จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววเลยว่าสงครามอิสราเอลที่เป็นการต่อสู้กันระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสในบริเวณพื้นที่ฉนวนกาซาจะจบลงเมื่อไหร่ ปัญหาที่คนไทยกำลังจับตามองมากที่สุดในตอนนี้ก็คือรัฐบาลจะมีมาตรการช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอลที่กำลังประสบภัยสงครามอยู่ในต่างบ้านต่างเมืองอย่างไรกันบ้าง เพราะมีคนไทยจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวที่ไปทำงานอยู่ในประเทศอิสราเอล หวังว่าตนเองจะได้เงินทองเอามาตั้งตัวและส่งเสียให้กับครอบครัว ไม่มีใครคาดคิดว่าวันหนึ่งจะเกิดเหตุการณ์สงครามขึ้นมาในบริเวณที่มีคนไทยอาศัยอยู่มากที่สุดอีกแห่งหนึ่งบนโลก หลายคนจึงหวังใจว่ารัฐบาลจะช่วยคนไทยเหล่านี้กลับบ้านได้สำเร็จ
เปิดปมปัญหาที่ทำให้แรงงานไทยบางส่วนตัดสินใจไม่เดินทางกลับประเทศ
ถึงแม้ว่าตอนนี้สงครามอิสราเอล ล่าสุดจะยังคงปะทุอย่างต่อเนื่องและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงแต่อย่างใด ต่างฝ่ายต่างสาดอาวุธใส่กันและกันอย่างไม่ลดละ แรงงานไทยมากมายต้องตกเป็นเหยื่อสงครามในครั้งนี้ เพียงเพราะพวกเขาต้องการที่จะไปทำงานหาเงินเพื่อส่งเสียเลี้ยงดูคนในครอบครัว
ในช่วงแรกหลายคนมองว่ารายงานไทยทุกคนย่อมต้องการกลับบ้านท่ามกลางสภาวะที่ไม่สงบอย่างแน่นอน แต่รายงานล่าสุดของอัครราชทูตฝ่ายที่ปรึกษาแรงงานกลับออกมาระบุว่าแรงงานไทยจำนวนไม่น้อยตัดสินใจที่จะไม่เดินทางกลับ เพราะตอนนี้ยังมีความเป็นอยู่ที่สบายดี บางส่วนไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม และกลัวว่าหากกลับมาประเทศไทยแล้วจะไม่สามารถหาเงินมาจ่ายชำระหนี้สินให้กับเจ้าหนี้ที่เคยกู้ยืมเอาไว้ ไม่มีใครมั่นใจว่าจะได้รายได้ดีเหมือนกับตอนที่อยู่ในอิสราเอล
นอกจากนี้นายจ้างอิสราเอลหลายคนได้ดึงการจ่ายเงินเดือนให้เลื่อนออกไปจนถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน และยังมีการเพิ่มค่าจ้างเพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนไทยยังคงทำงานต่อไปเรื่อยๆ ในสภาวะสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้ออกมาเปิดเผยว่า รายงานที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการต่อสู้มากขึ้นกว่าเดิม เชื่อว่าจะต้องตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยอย่างแน่นอน
แต่เอาเข้าจริงแล้วก็ยังคงมีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ต้องการจะลงหลักปักฐานทำงานอยู่ในอิสราเอลตามเดิมเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ ทั้งทางภาครัฐและภาคเอกชนจึงพยายามออกมาตรการช่วยเหลือแรงงานไทยเพื่อจูงใจให้กลับบ้าน ปัจจุบันจึงมีรายงานไทยที่เดินทางกลับสู่ประเทศแล้วจงหมดจำนวน 54 เที่ยวบิน รวมทั้งสิ้นกว่า 8,813 คน ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่ค่อนข้างน้อย ไม่ถึงครึ่งจากรายงานไทยทั้งหมดที่ไปทำงานในอิสราเอลด้วยซ้ำไป สาเหตุที่ทำให้แรงงานไทยหนีอิสราเอลหลายคนเลือกอยู่ต่อ มีดังนี้
- ต้องการหารายได้ แรงงานไทยส่วนใหญ่เดินทางไปทำงานในอิสราเอลเพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัว ซึ่งค่าจ้างแรงงานไทยในอิสราเอลสูงกว่าค่าจ้างแรงงานไทยในไทยมาก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1,500-2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน ซึ่งสามารถช่วยให้แรงงานไทยมีรายได้เพียงพอที่จะชำระหนี้สินและสร้างฐานะให้กับครอบครัว
- กลัวจะไม่ได้กลับมาทำงานอีก แรงงานไทยหลายคนกลัวว่าหากเดินทางกลับประเทศไทยแล้วจะไม่มีโอกาสกลับมาทำงานในอิสราเอลได้อีก เนื่องจากรัฐบาลอิสราเอลได้ยกเลิกโควต้าแรงงานไทยบางส่วน และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ยังไม่สงบ
- ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้แล้ว แรงงานไทยบางส่วนได้ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ความไม่สงบได้แล้ว และมองว่าความเสี่ยงในการอยู่ต่อนั้นยังไม่มากเท่ากับความเสี่ยงในการเดินทางกลับประเทศไทย
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้แรงงานไทยบางคนเลือกอยู่ต่อ เช่น ความสัมพันธ์ที่ดีกับนายจ้าง การมีเพื่อนร่วมงานคนไทยอยู่ด้วยกัน หรือความคาดหวังที่จะได้สัญชาติอิสราเอลในอนาคตทั้งนี้ แรงงานไทยในอิสราเอลที่เลือกอยู่ต่อจะต้องเผชิญกับความเสี่ยงต่างๆ อยู่ เช่น ความเสี่ยงจากการถูกโจมตีทางทหาร ความเสี่ยงจากการถูกจับกุมโดยทางการอิสราเอล และความเสี่ยงจากการถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้าง แรงงานไทยจึงควรพิจารณาถึงความเสี่ยงต่างๆ เหล่านี้อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อหรือไม่
รวมมาตรการช่วยเหลือคนไทย จูงใจให้เดินทางกลับประเทศ
- กรณีสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศจะได้รับสิทธิ์เยียวยาจากกองทุน หากประสบปัญหาในการเดินทางกลับสู่ประเทศไทยจากภัยสงคราม อิสราเอล จำนวนเงินคนละ 15,000 บาท
- กรณีสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศจะได้รับสิทธิ์เยียวยาจากกองทุน หากแพทย์ได้รับรองว่าทุพพลภาพจากปัญหาอิสราเอลสงคราม จำนวนเงินคนละ 30,000 บาท
- กรณีสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศจะได้รับสิทธิ์เยียวยาจากกองทุน หากเสียชีวิตในต่างประเทศ จำนวนเงินคนละ 40,000 บาท และยังมีค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดการศพตามจ่ายจริง เป็นจำนวนเงินไม่เกิน 40,000 บาทอีกด้วย
- สำหรับแรงงานไทยที่ซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางกลับสู่ประเทศเอง สามารถนำเอาเอกสารการซื้อตั๋วเครื่องบินมาเบิกค่าใช้จ่ายกับสำนักงานแรงงานจังหวัดได้ทั่วทั้งประเทศ โดยจะต้องเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมเป็นต้นไป กระทรวงแรงงานจะส่งเรื่องไปยังกระทรวงต่างประเทศเพื่อเบิกเงินคืนให้เป็นเวลาไม่เกิน 1 เดือน
นอกจากจะมีมาตรการช่วยเหลือกรณีเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหายงานไปทำงานต่างประเทศแล้ว รายงานไทยยังมีสิทธิ์ได้รับสวัสดิการตามกฎหมายอิสราเอลอีกด้วย ดังต่อไปนี้
- ประกันทำงานและนายจ้างจ่าย กรณีที่เราได้รับบาดเจ็บหรือพิการตามความเห็นของแพทย์ หากบาดเจ็บจะได้รับเงินก้อนเดียวเป็นจำนวนเงินประมาณ 1.44 ล้านบาท กรณีบาดเจ็บ 10% – 19% หากบาดเจ็บเกิน 20% ขึ้นไปจะได้รับเงินเดือนเป็นประจำทุกเดือนไปจนกว่าจะเสียชีวิต โดยจะประเมินจากการสูญเสียที่เราได้รับ
- กรณีเสียชีวิต ทั้งบุตรและภรรยาจะได้รับเงินเดือนเป็นประจำทุกเดือนจนกว่าภรรยาจะจดทะเบียนสมรสใหม่ และบุตรมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ ภรรยาจะได้รับเงินเป็นจำนวนกว่า 34,560 บาทต่อเดือน ในขณะที่ปุ๋ยจะได้รับเงินตั้งแต่ 5,760 บาทขึ้นไปจนถึง 11,520 บาทต่อเดือน
ยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ออกมาแถลงมาตรการช่วยเหลือแรงงานไทย โดยให้เงินชดเชยเป็นจำนวนเงินคนละ 50,000 บาท พร้อมกับมาตรการพักชำระหนี้ ทั้งพรรคเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลายาวนานถึง 3 ปี โดยกระทรวงแรงงานได้ของบกลางไปตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา คาดว่าสำนักงานงบประมาณจะมีการตอบกลับมายังกระทรวงแรงงานในเร็วๆ นี้ เนื่องจากทางรัฐบาลต้องการให้คนไทยมีความปลอดภัยในชีวิต และตั้งเป้าหมายว่าจะให้รายงานไทยทุกคนเดินทางกลับประเทศทั้งหมด