เมื่อเร็วๆนี้ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ทางฝั่งรัฐบาลพร้อมยกระดับบัตรทอง โดยจะเพิ่มความเท่าเทียมด้านประกันสุขภาพถ้วนหน้าเพื่อคนไทย พร้อมประสิทธิภาพและมาตรฐานสูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ดังนั้นวันนี้เราจะพาท่านไป เช็คสิทธิบัตรทองพรีเมียม สิทธิพิเศษที่ท่านไม่ต้องจ่ายแม้แต่บาทเดียว…!!
เช็คสิทธิบัตรทองพรีเมียม สิทธิพิเศษเพื่อคนไทยไม่ต้องจ่ายแม้แต่บาทเดียว
เพื่อมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยในทุกมิติ โดยเฉพาะการยกระดับระบบสาธารณสุขไทย ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขแพทย์สมัยใหม่ และแพทย์แผนไทย เพิ่มบริการและสิทธิต่างๆ พัฒนาระบบประกันสุขภาพประชาชนให้ครอบคลุมประชาชนและเท่าเทียม มีนโยบายให้การรักษาดูแลคนไทยโดยประชาชนไม่ต้องมีจ่ายค่ารักษาพยาบาล สำหรับพัฒนาหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเพื่อคนไทย ให้มีประสิทธิผลเพื่อบรรลุเป้าหมายของความเท่าเทียมกัน มีประสิทธิภาพและมาตรฐานสูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ตามนโยบายจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยได้ดำเนินการพัฒนาหลักประกันสุขภาพแล้ว 6 มิติ ดังนี้
เพิ่มสิทธิประโยชน์ บัตรทอง ตรวจและรักษาฟรี
- การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธีเจาะลึกระดับดีเอ็นเอ HPV DNA
- การตรวจยีน BRCA1 BRCA2 ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม
- บริการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีก่อนสัมผัส (PrEP) สำหรับกลุ่มเสี่ยง
- การตรวจดาวน์ซินโดรมในหญิงตั้งครรภ์ การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ (อายุ 50 ปีขึ้นไป)
- การตรวจคัดกรองผู้ป่วยโรคพันธุกรรมเมตาบอลิกด้วยเครื่อง Tandem mass spectrometry ในเด็กแรกเกิด
- การคัดกรองรอยโรคเสี่ยงและมะเร็งช่องปาก (CA Oral Screening) ในคนอายุ 40 ปีขึ้นไป
- ผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับสำหรับผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงและผู้ที่มีปัญหาการขับถ่าย เป็นต้น
- โรคหายาก (Rare Disease) เบื้องต้นครอบคลุม 24 โรคหายาก
- สิทธิประโยชน์รากฟันเทียม ภายใต้ “โครงการฟันเทียม รากฟันเทียม เฉลิมพระเกียรติในหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา”
- กองทุนดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง
- บริการจิตเวชเรื้อรังในชุมชน เช่น บริการฝังเข็มหรือบริการฝังเข็มร่วมกับการกระตุ้นไฟฟ้า ดูแลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ให้ “ผู้มีสิทธิบัตรทองเลือกฟอกไตในแบบที่ใช่” เพื่อเปิดทางเลือกให้ผู้ป่วยที่ไม่ประสงค์จะล้างไตทางหน้าท้อง (Peritoneal Dialysis: PD) แต่ต้องการบำบัดทดแทนไตด้วยวิธีการฟอกเลือด (hemodialysis: HD) โดยที่ประชาชนไม่ต้องจ่ายเงินเองอีกต่อไป
ดูแลผู้ป่วยโรคทั่วไปหรือการเจ็บป่วยเล้กน้อยครอบคลุม 106 กลุ่ม อาการ
- เพิ่มความสะดวกในการรับบริการส่งเสริมสุขภาพ
- ป้องกันโรคให้กับคนไทยที่ร้านยาคุณภาพ
- ให้บริการยาคุมกำเนิด ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน
- ให้บริการแจกถุงยางอนามัย
- ให้บริการแจกชุดตรวจสอบการตังครรภ์
- ให้บริการแจกยาเม็ดเสริมธาตุเหล็กและกรดโฟลิค
- ประเมินความเสี่ยงต่อโรคความดับโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด ภาวะเครียด-ซึมเศร้า
สิทธิประโยชน์ดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์
- บริการยาป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อเอชไอวี (Pre-Exposure Prophylaxis : PrEP)
- บริการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีหลังการสัมผัสเชื้อ (Post-Exposure Prophylaxis : PEP)
- บริการคัดกรองและตรวจยืนยันไวรัสตับอักเสบซีในผู้ติดเชื้อฯ และนำเข้าสู่กระบวนการรักษา
- บริการเอกซเรย์ปอดคัดกรองวัณโรคในผู้ติดเชื้อฯ รายใหม่ทุกราย, บริการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยงเพื่อให้เข้าสู่กระบวนการตรวจเลือดและดูแลรักษา (Reach Recruit Test Treatment Prevention Retain: RRTTPR)
- สนับสนุนถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันและลดการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวี เพื่อสนับสนุนการดำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยการยุติปัญหาเอดส์ พ.ศ. 2560-2573
ดูแลกลุ่มเปราะบางเข้าถึงสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
- ผู้มีปัญหาทางสถานะทางทะเบียน เช่น ไม่ได้แจ้งเกิด เอกสารบุคคลสูญหาย คาดการณ์ประมาณ 5.2 แสนคนที่จำเป็นต้องดำเนินการช่วยเหลือ
- กลุ่มชาติพันธุ์มานิ รักษ์ป่าบอน จ.สงขลา และ จ.พัทลุง ชนชาติพื้นเมืองดั้งเดิมของไทย มีจำนวนราว 500 คน ช่วยเหลือให้ได้รับสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
- พระภิกษุสามเณรทั่วประเทศ
- ยกระดับการเข้าถึงสิทธิบัตรทองให้กับ “ผู้ต้องขัง” โดยความร่วมมือกรมราชทัณฑ์ กระทรวงสาธารณสุข และ สปสช. ทำให้มีการขึ้นทะเบียนสถานพยาบาลในเรือนจำให้เป็นหน่วยบริการปฐมภูมิในเครือข่ายของหน่วยบริการประจำหรือโรงพยาบาลในพื้นที่ครบทั้งหมด 135 แห่งแล้ว โดยปัจจุบันมีผู้ต้องขัง 252,000 คน ลงทะเบียนบัตรทองให้กับผู้ต้องขังที่มีสิทธิกว่าร้อยละ 97
เพิ่มนวัตกรรมบริการ ลดความแออัดที่โรงพยาบาล
- บริการยาเคมีบำบัดสำหรับผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่บ้าน” (Home Chemotherapy for CA Colon)
- บริการรับยาร้านยาใกล้บ้าน ดูแลผู้ป่วย 4 กลุ่มโรคเรื้อรัง ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิต หอบหืด และจิตเวช ก่อนขยายไปยังโรคเรื้อรังอื่นๆ
- การให้บริการผู้ป่วยโควิด-19 การแจกชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตนเอง (ATK Self test kit) บริการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มอาการสีเขียว “เจอ แจก จบ
- บริการดูแลผู้ป่วยโรคทั่วไปหรือการเจ็บป่วยเล็กน้อย (common illnesses) ครอบคลุม 16 กลุ่มอาการ และเพิ่มความสะดวกในการรับบริการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคให้กับคนไทยที่ร้านยาคุณภาพ
- บริการสาธารณสุขทางไกล (Telemedicine)” ในผู้ป่วยรายเก่าของหน่วยบริการที่มีอาการคงที่และควบคุมโรคได้ดี
- บริการการแพทย์ทางไกลในลักษณะผู้ป่วยนอกทั่วไป (OP Telemedicine)” ครอบคลุม 42 กลุ่มโรคและอาการ ร่วมมือกับผู้ให้บริการแอปพลิเคชันด้านสุขภาพดิจิทัล
- บริการส่งยาทางไปรษณีย์ ร่วมกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และหน่วยบริการ
- บริการเจาะเลือดใกล้บ้าน
- บริการผ่าตัดวันเดียวกลับ (One Day Surgery: ODS) ใน 12 รายการ และในปี 2566 เพิ่มเป็น 67 รายการ บริการผ่าตัดแผลเล็ก (Minimally Invasive Surgery: MIS) ใน 19 รายการ
- นวัตกรรมหน่วยบริการ ที่ดึงหน่วยบริการวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุข มาร่วมให้บริการ ได้แก่ คลินิกพยาบาล คลินิกกายภาพบำบัด เป็นต้น
- บริการดูแลผู้ป่วยโดยใช้เตียงที่บ้านเป็นเตียงโรงพยาบาล” (Home Ward) นำร่องในโรงพยาบาล 75 แห่ง ใน 7 กลุ่มโรคตามที่กรมการแพทย์กำหนด
ยกระดับบัตรทองสู่หลักประกันสุขภาพยุคใหม่
- ประชาชนเจ็บป่วยไปรับบริการกับหมอประจำครอบครัวในหน่วยบริการปฐมภูมิในระบบบัตรทองที่ไหนก็ได้ ตามนโยบาย “30 บาทรักษาทุกที่”
- ผู้ป่วยในไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัวที่หน่วยบริการประจำ ใช้เพียงบัตรประชาชนตรวจสอบตัวตนผู้ป่วยเท่านั้น ทำให้เกิดความไม่สะดวกในการรับบริการ และภาระค่าเดินทาง สปสช.
- โรคมะเร็งไปรับบริการที่ไหนก็ได้ที่ทั่วประเทศ (CA anywhere) เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาโดยเร็ว ไม่ให้อาการลุกลามและมะเร็งบางชนิดยังเป็นการเพิ่มโอกาสที่จะรักษาให้หายขาดได้
- ย้ายหน่วยบริการได้สิทธิทันที ไม่ต้องรอ 15 วัน ให้ประชาชนเปลี่ยนหน่วยบริการประจำด้วยตนเองและได้สิทธิทันทีภายในวันเดียว (เปลี่ยนสิทธิไม่เกิน 4 ครั้ง/ปี)
- นโยบาย “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่” หรือ UCEP (Universal Coverage for Emergency Patients) โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจนพ้นวิกฤตและสามารถคลื่อนย้ายได้อย่างปลอดภัย แต่ไม่เกิน 72 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม พบว่าข้อจำกัดของ ผู้ที่มีสิทธิประกันสังคม และผู้ที่มีสวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการ และสิทธิอื่นๆ ที่นอกเหนือจากสิทธิบัตรทอง ไม่สามารถใช้บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในระบบของ สปสช.ได้ ปัจจุบันในปี 2566 นี้ รัฐบาลอยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหาเพื่อให้ประชาชนไทยทุกคนสามารถใช้สิทธิประโยชน์นี้ได้ ขณะนี้ทั้ง 3 หน่วยงานคือ สปสช. สำนักงานประกันสังคม และกรมบัญชีกลางได้มีการหารือกันเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการเสนอออกเป็นพระราชกฤษฎีกา เพื่อให้คนไทยทุกคนสามารถได้รับสิทธิประโยชน์สร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในระบบของ สปสช.ได้
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับข้อมูลที่ทางเรานำมาฝากหวังว่าท่านจะได้รับความรู้จากบทความนี้ นอกจากนี้เรายังมีอีกหลายๆบทความที่จะมาแนะนำให้ท่านอีกมากมายผ่านทางเว็บไซต์ sabuynews.com