นายยงยุทธ พรมติ่ง แรงงานไทยในอิสราเอล วัย 31 ปี ชาว จ.นครพนม เล่าประสบการณ์การทำงานเลี้ยงควายในฟาร์มเกษตรขนาดใหญ่ของอิสราเอล เผยรายได้สูงถึงเดือนละ 40,000-50,000 บาท แต่ต้องหนีตายกลับประเทศไทย ท่ามกลางสงครามกลางเมือง
แรงงานไทยในอิสราเอล ฝันสลายรายได้ดีแต่ต้องทิ้งไว้กลางสงคราม
ในยามที่สงครามกลางเมืองในอิสราเอลปะทุขึ้น แรงงานไทยนับพันคนต้องเผชิญกับชะตากรรมที่ไม่คาดฝัน หนึ่งในนั้นคือนายยงยุทธ พรมติ่ง อายุ 31 ปี ชาวจังหวัดนครพนม ผู้ที่ต้องลี้ภัยสงครามกลับไทยพร้อมกับแรงงานไทยอีกกว่า 50 คน
นายยงยุทธเล่าว่า เขาเดินทางไปทำงานเลี้ยงควายในฟาร์มเกษตรที่อิสราเอล ตั้งแต่ปี 2562 โดยได้รับค่าจ้างสูงถึงชั่วโมงละ 200 บาท หรือเดือนละประมาณ 40,000 – 50,000 บาท รายได้ที่สูงลิ่วนี้ทำให้เขาสามารถเก็บเงินสร้างบ้านให้ครอบครัวได้หลังหนึ่ง แต่แล้วโชคชะตาก็พลิกผัน เมื่อสงครามกลางเมืองปะทุขึ้น แรงงานไทยในอิสราเอลต้องอยู่อย่างหวาดผวา และต้องหลบภัยในหลุมหลบภัยเป็นเวลานานกว่า 10 วัน
เล่าเหตุการณ์กลุ่มฮามาสบุกเข้ามากราดยิง
นายยงยุทธเล่าว่า ช่วงแรกเกิดการสู้รบอย่างดุเดือด มีทั้งระเบิดและกลุ่มฮามาสบุกเข้ามากราดยิง คนงานไทย รวมถึงประชาชนทั่วไปในอิสราเอล ทุกคนต้องวิ่งหนีเอาชีวิตรอด บางคนถูกยิงเสียชีวิต บางรายศพถูกทิ้งไว้กลางถนน ไม่สามารถเข้าไปเก็บกู้ได้จนกว่าสงครามสงบ
นายยงยุทธโชคดีที่สามารถรอดชีวิตมาได้ เขาและแรงงานไทยอีก 10 คน หลบหนีกลับมายังประเทศไทยได้อย่างปลอดภัย แม้จะรอดชีวิตมาได้ แต่นายยงยุทธยังรู้สึกเสียดายโอกาสในการทำงานในอิสราเอล เพราะค่าแรงสูงมาก เขาหวังว่าหากสงครามสงบลง เขาจะกลับไปทำงานที่นั่นอีกครั้ง เพื่อหาเงินมาสร้างอนาคตให้กับครอบครัว
อย่างไรก็ตาม สงครามกลางเมืองในอิสราเอลยังคงดำเนินต่อไป ทำให้อนาคตของแรงงานไทยที่นั่นยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน