เมื่อเร็วๆนี้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ทำการโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กเรื่องการปรับ ลดราคาน้ำมันดีเซลและลดค่าไฟ ต่อหลังการแถลงนโยบายรัฐบาลที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวาน 13 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา
ข่าวดีรัฐบาล ลดราคาน้ำมันดีเซลและลดค่าไฟ เริ่ม 20 ก.ย. นี้
คณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอรับทราบและเห็นชอบแนวทางที่กระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลังได้กำหนดเรื่องราคาน้ำมันดีเซลให้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร โดยเบนซินเบื้องต้นจะร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ในการตรวจสอบและควบคุมค่าการตลาดเพื่อไม่ให้เกิน 2 บาทต่อลิตรตามมติคณะกรรมการบริหารพลังงานอย่างจริงจัง การกระทำนี้จะช่วยลดราคาเบนซินลงได้ในระดับหนึ่ง
ปรับลดราคาเบนซินให้กับกลุ่มที่จำเป็น
โดยเรายังจะร่วมกับกระทรวงการคลังในการพิจารณาปรับลดราคาเบนซินให้กับกลุ่มที่จำเป็นต้องใช้เบนซินเพื่อประกอบอาชีพ อย่างเช่นผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ รับจ้าง และแท็กซี่ โดยมุ่งหวังให้เปรียบเสมอกับการตลาด การดำเนินการนี้จะถูกดำเนินต่อไปอย่างเร่งด่วน ในเรื่องของราคาไฟฟ้า เราได้ทำการปรับลดราคาจากราคาหน่วยละ 4.45 บาท เหลือเพียง 4.10 บาท โดยเป็นการกระทำที่ส่งเสริมให้ค่าใช้จ่ายของประชาชนในเรื่องพลังงานไฟฟ้าลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ”
“เรามีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการเพิ่มเติมในส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไปเพื่อหาทางปรับลดราคาค่าไฟฟ้าให้เหลือไม่เกินหน่วยละ 4 บาท ราคาน้ำมันดีเซลเบื้องต้นได้รับการรับรองและเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี โดยมีการร่วมกันตรวจสอบและควบคุมค่าการตลาดเพื่อไม่ให้เกิน 2 บาทต่อลิตร
ก๊าซหุงต้มที่มีแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้น
ในกรณีของก๊าซหุงต้มที่มีแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้นทุกปลายปีในช่วงฤดูหนาว เราก็ได้ตั้งราคาในระดับที่เหมาะสมที่ 423 บาทสำหรับถังขนาด 15 กิโลกรัม โดยราคานี้จะคงที่เหมือนเดิม การดำเนินนโยบายนี้ไม่เพียงแต่เป็นนโยบายของพรรค รทสช. เท่านั้น แต่เป็นนโยบายที่เข้าข่ายกับนายกรัฐมนตรีด้วย และเราจะดำเนินการให้เป็นจริงอย่างรวดเร็ว ขอบคุณนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทุกท่านสำหรับการสนับสนุน แม้เรื่องนี้จะเป็นมาตรการระยะสั้นในเบื้องต้น แต่เราจะคงทำงานอย่างเต็มที่และมุ่งหาแนวทางและมาตรการเพิ่มเติมในอนาคตเพื่อให้ราคาพลังงานคงอยู่ในระดับที่เหมาะสมและเป็นธรรมต่อประชาชน และเพื่อสร้างเสถียรภาพความมั่นคงและระบบเศรษฐกิจของประเทศให้ยั่งยืน
ปรับลดอัตราค่าไฟฟ้ากับผู้ใช้ไฟฟ้ารอบเดือนกันยายน-ธันวาคม
“นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ได้เปิดเผยว่าหลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งแรกของรัฐบาลชุดใหม่ในวันที่ 13 กันยายน 2566 โดย ครม. มีมติเห็นชอบปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าที่ประกาศเรียกเก็บกับผู้ใช้ไฟฟ้ารอบเดือนกันยายน-ธันวาคม 2566 จาก 4.45 บาทต่อหน่วย เหลือในอัตรา 4.10 บาทต่อหน่วย ทันทีนายคมกฤช ได้รายงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพื่อทราบมติ ครม. ดังกล่าวแล้ว
ด้านสำนักงาน กกพ. จะเร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กฟผ. กฟน. กฟภ. และ ปตท. เพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินการให้ตรงตามเจตนารมณ์ในมติ ครม. โดยคาดว่าจะดำเนินการนำเสนอ กกพ. ให้แล้วเสร็จและมีผลบังคับใช้ภายในหนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้” นายคมกฤช กล่าว “ก่อนหน้านี้ มติที่ประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2566 ได้มีมติเห็นชอบค่าเอฟทีเรียกเก็บงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2566 จำนวน 66.89 สตางค์ต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเรียกเก็บในงวดอยู่ที่ 4.45 บาทต่อหน่วย และให้มีผลตั้งแต่รอบบิลเดือนกันยายน 2566 เป็นต้นไป”