วันพฤหัสบดี, 21 พฤศจิกายน 2567

ศูนย์แก้อาชญากรรมออนไลน์เผย มิจฉาชีพออนไลน์ระบาด ระงับ 678 บัญชี

09 พ.ย. 2023
146
online-crime

นับตั้งแต่ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 เหล่ามิจฉาชีพออนไลน์ก็ระบาดอย่างหนักจนทำให้มีเหยื่อจำนวนมากถูกหลอกให้เสียเงิน เป็นเวลายาวนานหลายปีที่ผู้คนมากมายในสังคมโดนหลอกให้เสียเงิน โดยที่เราแทบจะไม่สามารถใช้กฎหมายสาวไปถึงตัวการที่แท้จริงได้เลย ด้วยเหตุนี้จึงมีการจัดตั้งศูนย์แก้อาชญากรรมออนไลน์ (Anti-Online Crime Center: AOC) เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นมา โดยประชาชนสามารถร้องเรียนหรือขอคำปรึกษาเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ผ่านสายด่วน 1441 ตลอด 24 ชั่วโมง

เปิดสถิติการระงับบัญชีมิจฉาชีพโดยศูนย์แก้อาชญากรรมอันตราย 

online-crime-computer

สำหรับสถิติการอายัดบัญชีที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีของศูนย์แก้อาชญากรรมออนไลน์ ดังนี้

  • ช่วง 3 วันแรก (1-3 พฤศจิกายน 2566) มีประชาชนเข้ารับคำปรึกษารวม 6,700 สาย และสามารถอายัดบัญชีได้จำนวน 220 บัญชี
  • ช่วง 6 วันแรก (1-6 พฤศจิกายน 2566) มีประชาชนเข้ารับคำปรึกษารวม 15,000 สาย และสามารถอายัดบัญชีได้จำนวน 678 บัญชี

โดยประเภทของอาชญากรรมออนไลน์ที่ศูนย์แก้อาชญากรรมออนไลน์สามารถอายัดบัญชีได้ ได้แก่

  • บัญชีธนาคาร
  • บัญชีอีเมล
  • บัญชีโซเชียลมีเดีย
  • บัญชีเว็บไซต์

การอายัดบัญชีที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์เป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันการสูญเสียทรัพย์สินของประชาชน และช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดได้ โดยประชาชนสามารถร้องเรียนหรือขอคำปรึกษาเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ผ่านสายด่วน 1441 ตลอด 24 ชั่วโมง

อุปสรรคการทำงานของศูนย์แก้อาชญากรรมออนไลน์

ศูนย์แก้อาชญากรรมออนไลน์ (Anti-Online Crime Center: AOC) เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการปราบปรามมิจฉาชีพออนไลน์ในประเทศไทย โดยให้บริการประชาชนในการร้องเรียนหรือขอคำปรึกษาเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ผ่านสายด่วน ปัจจุบันสามารถระงับบัญชีมิจฉาชีพไปได้หลายร้อยบัญชี อย่างไรก็ตาม การทำงานของศูนย์แก้อาชญากรรมออนไลน์ก็ยังมีอุปสรรคอยู่หลายประการ ดังนี้

  • ความซับซ้อนของอาชญากรรมออนไลน์ รูปแบบที่หลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น ทำให้ยากต่อการสืบสวนสอบสวนและติดตามจับกุมผู้กระทำความผิด
  • การขาดความร่วมมือจากต่างประเทศ มิจฉาชีพออนไลน์เป็นปัญหาระดับโลก ทำให้การสืบสวนสอบสวนและติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดต้องอาศัยความร่วมมือจากต่างประเทศ ซึ่งอาจทำได้ยากและใช้เวลานาน
  • การขาดความรู้และความเข้าใจของประชาชน ประชาชนยังมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ไม่เพียงพอ ทำให้อาจตกเป็นเหยื่อได้ง่าย

อุปสรรคเหล่านี้ถือเป็นความท้าทายในการทำงานของศูนย์แก้อาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขและปรับปรุงเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แนวทางในการแก้ไขปัญหาอุปสรรคเหล่านี้ มีดังนี้

  • การพัฒนาศักยภาพของเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ของศูนย์แก้อาชญากรรมออนไลน์จำเป็นต้องได้รับการพัฒนาศักยภาพในด้านต่างๆ เช่น ความรู้เกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ ทักษะการสืบสวนสอบสวน ทักษะการใช้เทคโนโลยี เป็นต้น
  • การสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ ประเทศไทยจำเป็นต้องร่วมมือกับประเทศต่างๆ ในการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ โดยอาจมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความร่วมมือในการสืบสวนสอบสวน
  • การเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจของประชาชน ประชาชนจำเป็นต้องได้รับการเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ เพื่อให้สามารถป้องกันตนเองจากการตกเป็นเหยื่อได้

หากสามารถแก้ไขปัญหาอุปสรรคเหล่านี้ได้ ก็จะสามารถทำให้การทำงานของศูนย์แก้อาชญากรรมออนไลน์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และช่วยในการปราบปรามได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

แจ้งความออนไลน์ผ่านแอพ อีกหนึ่งหนทางช่วยเหลือของเหยื่อมิจฉาชีพ

แอพแจ้งความออนไลน์ คือ แอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือที่พัฒนาโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถแจ้งความออนไลน์ได้ โดยไม่ต้องเดินทางไปที่โรงพัก โดยแอปพลิเคชันนี้สามารถใช้งานได้ง่าย มีขั้นตอนไม่ซับซ้อน ใช้เวลาไม่นาน และสามารถติดตามผลความคืบหน้าของคดีได้อีกด้วย แอปพลิเคชันแจ้งความออนไลน์สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีบน App Store และ Google Play โดยขั้นตอนการแจ้งความมีดังนี้

  • เข้าแอปพลิเคชันแล้วเลือกหัวข้อ “แจ้งความออนไลน์”
  • ใส่ข้อมูลส่วนตัวของผู้แจ้งความ เช่น ชื่อ-นามสกุล เลขบัตรประชาชน ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์
  • เลือกประเภทของคดีที่จะแจ้งความ
  • ใส่ข้อมูลรายละเอียดของคดี เช่น สถานที่เกิดเหตุ เวลาเกิดเหตุ พฤติการณ์ของคดี
  • แนบหลักฐานประกอบคำร้อง เช่น ภาพถ่าย คลิปวิดีโอ เอกสารต่างๆ
  • กดยืนยันการแจ้งความ
  • หลังจากแจ้งความออนไลน์เรียบร้อยแล้ว จะได้รับหมายเลขประจำคดี และสามารถติดตามผลความคืบหน้าของคดีได้ผ่านแอปพลิเคชัน หรือโทรสอบถามที่สายด่วน 1441

ประโยชน์ของแอปพลิเคชันแจ้งความออนไลน์

  • อำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถแจ้งความออนไลน์ได้ โดยไม่ต้องเดินทางไปที่โรงพัก
  • ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย
  • เพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่
  • เพิ่มความปลอดภัยของผู้แจ้งความ
  • แอปพลิเคชันแจ้งความออนไลน์เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการแจ้งความออนไลน์ โดยสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันนี้เพื่อใช้งานได้ง่ายและสะดวก

รวมอาชกรรมออนไลน์ที่ต้องระวังก่อนตกเป็นเหยื่อ

anti-online-crime

อาชญากรรมออนไลน์ (Cybercrime) เป็นการกระทำความผิดโดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการก่ออาชญากรรม ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท อาชญากรรมออนไลน์ มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

  • การโจรกรรมข้อมูลส่วนตัว เช่น การขโมยข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล เลขบัญชีธนาคาร นำไปใช้เพื่อหลอกลวงหรือก่ออาชญากรรมอื่นๆ
  • การหลอกลวง เช่น หลอกลวงให้โอนเงิน หลอกลวงให้ลงทุน หลอกลวงให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว หลอกลวงให้ทำกิจกรรมต่างๆ
  • การเผยแพร่ข้อมูลเท็จ เช่น เผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับบุคคลหรือองค์กรต่างๆ เผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆ เผยแพร่ข้อมูลเท็จเพื่อสร้างความแตกแยกหรือสร้างความวุ่นวาย
  • การล่วงละเมิดทางเพศ เช่น เผยแพร่สื่อลามกอนาจาร ล่วงละเมิดทางเพศผ่านสื่อออนไลน์
  • การละเมิดลิขสิทธิ์ เช่น เผยแพร่หรือจำหน่ายผลงานละเมิดลิขสิทธิ์
  • การก่อกวนระบบคอมพิวเตอร์ เช่น การโจมตีเว็บไซต์ การโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ขององค์กรต่างๆ

นอกจากนี้ ยังมีอาชญากรรมออนไลน์ประเภทอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การเผยแพร่ข้อความหรือเนื้อหาที่ก่อให้เกิดความเกลียดชัง การพนันออนไลน์ การฟอกเงิน เป็นต้น มิจฉาชีพออนไลน์เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน โดยผู้กระทำความผิดมักใช้เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือในการก่ออาชญากรรมต่างๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเหยื่อทั้งทางร่างกาย จิตใจ และทรัพย์สิน เพื่อเป็นการป้องกันตนเองจากการตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมออนไลน์ ประชาชนควรปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันอาชญากรรมออนไลน์ที่กล่าวไว้ข้างต้น

ไม่อยากตกเป็นเหยื่อมมิจฉาชีพต้องทำอย่างไร

อาชญากรรมออนไลน์เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน โดยผู้กระทำความผิดมักใช้เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือในการก่ออาชญากรรมต่างๆ เช่น หลอกลวงให้โอนเงิน เผยแพร่ข้อมูลเท็จ ล่วงละเมิดทางเพศ เป็นต้น เพื่อเป็นการป้องกันตนเองจากการตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมออนไลน์ ประชาชนควรปฏิบัติตามวิธีป้องกันอาชญากรรมออนไลน์ ต่อไปนี้

  • ใช้ความระมัดระวังในการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ไม่ควรเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล เลขบัญชีธนาคาร ให้กับบุคคลที่ไม่รู้จักหรือไม่น่าไว้วางใจ
  • ตั้งรหัสผ่านที่ปลอดภัย รหัสผ่านควรมีความยาวอย่างน้อย 8 ตัวอักษร และประกอบด้วยตัวอักษร ตัวเลข และสัญลักษณ์พิเศษ ไม่ควรใช้รหัสผ่านเดียวกันกับเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันต่างๆ
  • อัพเดตซอฟต์แวร์ให้เป็นปัจจุบัน ซอฟต์แวร์ต่างๆ เช่น ระบบปฏิบัติการ โปรแกรมป้องกันไวรัส โปรแกรมเบราว์เซอร์ ควรอัพเดตให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ เพื่อแก้ไขช่องโหว่ที่อาจถูกผู้กระทำความผิดใช้ในการโจมตี
  • ระมัดระวังในการคลิกลิงก์หรือไฟล์แนบที่ไม่รู้จัก ลิงก์หรือไฟล์แนบที่ไม่รู้จักอาจแฝงด้วยมัลแวร์หรือไวรัสซึ่งสามารถทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์พกพาของคุณติดไวรัสได้
  • อย่าหลงเชื่อคำโฆษณาหรือข้อเสนอที่เกินจริง คำโฆษณาหรือข้อเสนอที่เกินจริงมักเป็นกลลวงของผู้กระทำความผิดในการหลอกลวงให้โอนเงินหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว
  • ระมัดระวังในการใช้บริการออนไลน์ต่างๆ ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันต่างๆ ให้ดีก่อนใช้บริการ และควรตรวจสอบความปลอดภัยของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเหล่านั้นก่อนใช้บริการ

นอกจากนี้ ประชาชนควรเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมิจฉาชีพออนไลน์ เพื่อให้สามารถป้องกันตนเองจากการตกเป็นเหยื่อได้ โดยสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ได้จากแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่น เว็บไซต์ของหน่วยงานราชการ เว็บไซต์ขององค์กรต่างๆ หรือเว็บไซต์ของสื่อมวลชน หากตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมออนไลน์ ควรรีบแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า