ทุกวันนี้ข้า;ยากหมากแพงด้วยสถานการณ์ของโลกที่ไม่สู้ดีสักเท่าไหร่ เราเพิ่งฟื้นตัวกลับมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ได้ไม่นาน แต่อยู่ดีๆ ก็มีส่งสงครามอุบัติขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลก ส่งผลให้ข้าวของเครื่องใช้ทั้งอุปโภคและบริโภคมีราคาที่สูงขึ้นตามไปด้วย หลายคนเลยแก้ปัญหาเวลาชักหน้าไม่ถึงหลังด้วยการใช้บัตรเครดิตจนกลายเป็นหนี้ตามมา การแก้หนี้บัตรเครดิตไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากเกินไป หากเรามีความตั้งใจและวางแผนอย่างรอบคอบ สำหรับใครที่อยากแก้ไขปัญหาหนี้สิน เราจะพาทุกคนไปดูวิธีการกัน
เปิดเทคนิคการแก้หนี้บัตรเครดิตอย่างไรให้อยู่หมัด
- ประเมินสถานการณ์หนี้สิน ขั้นตอนแรกคือต้องประเมินสถานการณ์หนี้สินของเราให้ชัดเจน ว่ามีหนี้บัตรเครดิตกี่ใบ แต่ละใบมียอดหนี้เท่าไหร่ อัตราดอกเบี้ยเท่าไหร่ และค่างวดเท่าไหร่ จากนั้นจึงคำนวณยอดหนี้รวมทั้งหมด
- วางแผนการชำระหนี้ เมื่อประเมินสถานการณ์หนี้สินแล้ว ให้วางแผนชำระหนี้อย่างรอบคอบ โดยพิจารณาจากรายได้และรายจ่ายของเรา ให้เลือกชำระหนี้ด้วยวิธีที่เหมาะกับเรามากที่สุด ซึ่งอาจทำได้หลายวิธี ดังนี้
- ชำระหนี้แบบขั้นต่ำ เป็นวิธีชำระหนี้ที่ง่ายที่สุด แต่ใช้เวลานานที่สุด ดอกเบี้ยจะทบต้นเรื่อยๆ ทำให้หนี้ก้อนโตขึ้นเรื่อยๆ
- ชำระหนี้แบบโปะ เป็นวิธีชำระหนี้ที่รวดเร็วที่สุด แต่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่มาโปะหนี้ก้อนเดียว
- รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต เป็นวิธีย้ายหนี้ไปรวมกันใบเดียว อัตราดอกเบี้ยอาจถูกลง ทำให้ผ่อนชำระหนี้ได้ง่ายขึ้น
- ขอผ่อนชำระหนี้กับธนาคาร เป็นวิธีขอผ่อนชำระหนี้กับธนาคาร ธนาคารอาจให้ส่วนลดดอกเบี้ย หรือผ่อนชำระหนี้ได้นานขึ้น
- ปฏิบัติตามแผนอย่างเคร่งครัด เมื่อวางแผนการชำระหนี้แล้ว ให้ปฏิบัติตามแผนอย่างเคร่งครัด พยายามใช้เงินอย่างประหยัด หลีกเลี่ยงการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เพื่อให้มีเงินเพียงพอสำหรับชำระหนี้ตามแผนที่วางไว้
- หารายได้เสริม หากรายได้ไม่เพียงพอสำหรับชำระหนี้ตามแผนการเงิน อาจหารายได้เสริมมาช่วยเพิ่มรายได้ เช่น ทำงานพิเศษ หรือลงทุนทำธุรกิจเล็กๆ เป็นต้น
- ตัดหนี้ทิ้ง หากไม่สามารถชำระหนี้ได้ อาจพิจารณาตัดหนี้ทิ้ง โดยติดต่อธนาคารเพื่อขอตัดหนี้ทิ้ง ซึ่งอาจทำให้เสียเครดิต แต่เป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ดี
นอกจากนี้ ควรมีวินัยในการใช้จ่าย หลีกเลี่ยงการใช้จ่ายเกินตัว และวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้เป็นหนี้อีกในอนาคต
หนี้บัตรเครดิต ทิ้งไว้อาจมีหมายศาลส่งมาถึงบ้านเรา
หนี้บัตรเครดิตมีอายุความ 2 ปี นับแต่วันที่ผู้ถือบัตรผิดนัดชำระหนี้ ตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/34 กำหนดไว้ว่า “สิทธิเรียกร้องอันเกิดจากการให้กู้ยืมเงินซึ่งมิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือมีกำหนดเวลาชำระหนี้แน่นอนนั้น ให้มีอายุความ 2 ปี”
ดังนั้น หากผู้ถือบัตรผิดนัดชำระหนี้เป็นเวลานานเกิน 2 ปี เจ้าหนี้จะไม่สามารถฟ้องร้องบังคับให้ชำระหนี้ได้ ถึงแม้ว่าผู้ถือบัตรจะยังมีหนี้ค้างอยู่ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าหนี้จะขาดอายุความแล้ว แต่เจ้าหนี้ยังคงสามารถส่งข้อมูลการผิดนัดชำระหนี้ไปยังบริษัทข้อมูลเครดิตได้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ถือบัตรเสียเครดิตได้ นอกจากนี้ หนี้ขาดอายุความยังสามารถถูกบังคับชำระหนี้ได้ หากผู้ถือบัตรทำหนังสือรับสภาพหนี้ หรือชำระหนี้ให้เจ้าหนี้บางส่วน ซึ่งจะนับเป็นการสละอายุความ ดังนั้น หากผู้ถือบัตรมีหนี้ที่ขาดอายุความแล้ว ควรติดต่อเจ้าหนี้เพื่อเจรจาขอชำระหนี้ โดยอาจขอผ่อนชำระหนี้ หรือขอลดหนี้ เพื่อรักษาเครดิตของตนเองและยังมีข้อควรระวังดังนี้
- ลูกหนี้ยังคงเสียเครดิต แม้ว่าหนี้จะขาดอายุความแล้ว แต่เจ้าหนี้ยังคงสามารถส่งข้อมูลการผิดนัดชำระหนี้ไปยังบริษัทข้อมูลเครดิตได้ ซึ่งอาจทำให้ลูกหนี้เสียเครดิตได้
- หนี้อาจถูกบังคับชำระหนี้ได้ หากลูกหนี้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ หรือชำระหนี้ให้เจ้าหนี้บางส่วน ซึ่งจะนับเป็นการสละอายุความ ทำให้เจ้าหนี้สามารถฟ้องร้องบังคับชำระหนี้ได้
ดังนั้น หากลูกหนี้มีหนี้ที่ขาดอายุความแล้ว ควรติดต่อเจ้าหนี้เพื่อเจรจาขอชำระหนี้ โดยอาจขอผ่อนชำระหนี้ หรือขอลดหนี้ เพื่อรักษาเครดิตของตนเอง
อัตราดอกเบี้ย สาเหตุที่ทำให้หนี้บัตรเครดิตปิดยากที่สุด
อัตราดอกเบี้ยหนี้บัตรเครดิตในประเทศไทย โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 16-18% ต่อปี ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อบัตรเครดิต โดยอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตจะคิดแบบทบต้นรายวัน ทำให้ยอดหนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ชำระหนี้ตามกำหนด
ตัวอย่างเช่น หากมียอดหนี้ 10,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 18% ต่อปี และชำระหนี้ขั้นต่ำ 5% ของยอดหนี้ ดอกเบี้ยที่ต้องชำระในแต่ละเดือนจะอยู่ที่ประมาณ 500 บาท และยอดหนี้จะเพิ่มขึ้นประมาณ 200 บาทต่อเดือน หากไม่ชำระหนี้ขั้นต่ำ ยอดหนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และดอกเบี้ยที่ต้องชำระก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยดอกเบี้ยจะทบต้นเรื่อยๆ ทำให้ยอดหนี้ก้อนโตขึ้นเรื่อยๆ จนยากจะชำระได้
ดังนั้น หากมีหนี้บัตรเครดิต ควรชำระหนี้ให้ครบเต็มจำนวนในกำหนดเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียดอกเบี้ยและเพิ่มภาระหนี้สิน หากเราสามารถหาแนวทางในการลดดอกเบี้ยได้ก็จะช่วยเราสามารถจัดการหนี้สินได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม สำหรับแนวทางการลดดอกเบี้ยบัตรเครดิตมีดังนี้
- ชำระหนี้ให้ครบเต็มจำนวนในกำหนดเวลา เป็นการลดดอกเบี้ยได้ดีที่สุด
- โปะหนี้ เป็นการลดดอกเบี้ยได้เร็วกว่าการชำระหนี้ขั้นต่ำ
- รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต เป็นการย้ายหนี้ไปรวมกันใบเดียว อัตราดอกเบี้ยอาจถูกลง ทำให้ผ่อนชำระหนี้ได้ง่ายขึ้น
- ขอผ่อนชำระหนี้กับธนาคาร ธนาคารอาจให้ส่วนลดดอกเบี้ย หรือผ่อนชำระหนี้ได้นานขึ้น