สำหรับน้องๆนักศึกษาหรือพี่ๆท่านไหนที่กำลังจะไปสมัครงานนั้นสิ่งที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆคือ ใบสมัครงาน เพราะหากท่านไหนเขียนใบสมัครงานออกมาได้ดีนั้นยิ่งเพิ่มโอกาสการได้งานเป็นอย่างมาก ดังนั้นวันนี้ทาง sabuynews จะมาแนะนำวิธีการเขียน ใบสมัครงาน เขียนอย่างไรให้ได้งานเพื่อทำให้จดหมายสมัคงานของท่านนั้นมีความโดดเด่น และเป็นที่จดจำนั้นเอง…
แนวทางวิธีเขียน รายงาน อย่างมีคุณภาพ
ใบสมัครงาน เขียนอย่างไรให้ได้งาน
สำหรับการกรอกใบสมัครงานนั้นถือเป็นขั้นตอนหนึ่งสำหรับการสมัครงาน ใบสมัครงานทั่วไปใช้เป็นส่วนหนึ่งในการประกอบการตัดสินใจของบริษัท/สถานประกอบการในการจะรับบุคคลเข้าทำงาน ซึ้งทางบริษัท/สถานประกอบการจะได้ทราบถึงประวัติและคุณสมบัติของผู้สมัครเช่น ชื่อ ที่อยู่ อายุ ตำแหน่งที่สมัครงาน ความสามารถพิเศษต่างๆ ประวัติการทำงาน เป็นต้น ทางบริษัท/สถานประกอบการก็จะใช้ข้อมูลที่ผู้สมัครงานได้กรอกลงในใบสมัครงานเพื่อประกอบการตัดสินใจในการติดต่อขอสัมภาษณ์งานในขั้นตอนต่อไป
ส่วนประกอบที่สำคัญในใบสมัครงาน
- ตำแหน่งงานที่ต้องการสมัคร อัตราเงินเดือนที่ต้องการ
- ประวัติส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล วัน/เดือน/ปีเกิด สัญชาติ ศาสนา สถานภาพ ส่วนสูง น้ำหนัก ที่อยู่ปัจจุบัน
- ประวัติครอบครัว เช่น ชื่อ-นามสกุล อาชีพ อายุของบิดา/มารดา ชื่อภรรยา/สามี จำนวนบุตร มีพี่น้องกี่คน
- ข้อมูลการศึกษา เช่น สถาบันการศึกษา สาขา ระยะเวลา ระดับของการศึกษา
- ประสบการณ์ในการทำงาน เช่น ชื่อของบริษัท/สถานประกอบการเดิม ระยะเวลาการทำงาน ตำแหน่งล่าสุด เงินเดือนล่าสุด
- ความสามารถพิเศษ เช่น ความสามารถด้านภาษา การพิมพ์ดีด คอมพิวเตอร์ ขับรถยนต์
รูปถ่ายที่ใช้สำหรับการสมัครงาน
สำหรับรูปที่ใช้ในใบสมัครงาน ควรเป็นทางการเรียบร้อย ทั้งทรงผมและชุด อาจจะไม่ต้องทำหน้านิ่งเสมอไปแล้ว เพื่อเพิ่มความเป็นมิตรและดูธรรมชาติมากขึ้น ส่วนรายละเอียดมีดังนี้
- ขนาดรูปภาพควรเป็น 1 หรือ 2 นิ้ว และควรนำติดไปทั้ง 2 ขนาด
- พื้นหลังควรเป็นสีฟ้า สีน้ำเงิน หรือสีขาว
- รูปควรถ่ายไม่เกิน 3-6 เดือน
ตัวอย่างใบสมัครงานและแนวทางการเขียน
หน้าแรกจะเป็นเกี่ยวกับประวัติส่วนตัว เป็นอีกหนึ่งข้อมูลสำคัญเพราะบริษัทจะได้รู้จักท่านว่าท่านเป็นใคร อาศัยอยู่บริเวณไหน เดินทางไปมาสะดวกหรือไม่มีพ่อแม่ชื่ออะไร และมีพี่น้องอีกคนถือว่าเป็นประตูด่านแรกสำหรับตัวท่านและคนที่จะมาสัมภาษณ์งานท่านอีกด้วย ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุด ที่ห้ามผิดพลาดโดยเด็ดขาด คือเรื่องข้อมูลการติดต่อของเรา ต้องชัดเจนครบถ้วนและห้ามผิดพลาด เพราะจุดนี้แหละที่บริษัทจะใช้ในการติดต่อกลับเรา ในกรณีที่เราได้รับข่าวดีในการเข้าทำงาน ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ปัจจุบัน เบอร์โทรศัพท์มือถือ หรืออีเมลล์ ควรระบุให้ชัดเจน ถูกต้อง และตรวจทานอย่างละเอียดก่อนส่งใบสมัคร
ส่วนข้อมูลการศึกษาและประวัติการทำงานควรเขียนให้ชัดเจนเพราะเป็นอีกหนึ่งข้อมูลสำคัญอย่างยิ่งในใบสมัครงาน คือเรื่องของการศึกษาและประสบการณ์การทำงาน เพราะเป็นรายละเอียดที่บริษัทจะพิจารณาว่าเราเรียนจบมาตรงสายไหม ประสบการณ์ตรงแค่ไหน เพื่อนำมาพิจารณารับเราเข้าทำงาน โดยรายละเอียดการกรอกควรเป็นดังนี้
- เริ่มกรอกจากปัจจุบันก่อน แล้วค่อยย้อนไปยังอดีต
- ระบุปี พ.ศ. ที่เริ่มต้นและสิ้นสุดให้ชัดเจน
- ที่ทำงานล่าสุด หากยังทำงานอยู่ ให้ใส่ ปี พ.ศ. ก่อน แล้วตามด้วย (-ปัจจุบัน)
- ข้อมูลการศึกษา ควรระบุชื่อสถานศึกษา ชื่อคณะ ชื่อวิชาเอก
- ข้อมูลการทำงาน ควรระบุชื่อบริษัท ชื่อตำแหน่ง และหน้าที่การทำงานแบบคร่าวๆ
กรณีที่ท่านไหนยังเป็นเด็กจบใหม่ ยังไม่มีประสบการณ์การทำงาน ให้เปลี่ยนมาใส่รายละเอียดในการฝึกงาน การอบรม หรือกิจกรรมที่เคยทำสมัยเรียนแทน ในส่วนการอบรมหรือกิจกรรมนั้น ควรใส่เฉพาะสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่เราสมัครเท่านั้น
หน้าความสามารถพิเศษและทักษะเสริม หากมีความสามารถพิเศษอื่นใดที่มี สามารถระบุลงไปได้เลย แต่ก็ควรเป็นความสามารถที่ดูเป็นน่าเชื่อถือและเกี่ยวข้องกับงานเท่านั้น ส่วนทักษะเสริมก็ใส่ลงไปได้เช่นกัน ส่วนใหญ่ที่ระบุกัน จะเป็นทักษะด้านคอมพิวเตอร์และโปรแกรมต่างๆ ทักษะภาษาที่ 2 หรือ 3 โดยทักษะเหล่านี้ ให้ระบุเป็นระดับ เช่น ดีมาก ดี ปานกลาง และควรใส่ตามความเป็นจริง
สำหรับขั้นตอนสุดท้ายนี้ให้ท่านเขียนแนะนำตัวเองให้บริษัททราบว่า หากท่านได้ทำงานที่นี้ท่านจะสร้างอะไรให้บริษัทนี้โดยอธิบายตามความเป็นจริงและท่านสามารถที่จะทำได้อย่างเขียนเวอร์จนเกินไป การเขียนเวอร์เป็นเรื่องที่นี้หากท่านสามารถทำได้แต่หากทำไม่ได้มันก็เป็นเหมือนดาบ2คม แต่ถ้าคิดว่าท่านทำได้จัดหนักให้เลย จากนั้นเมื่อท่านเขียนเสร็จหมดแล้วอย่างลืมเซ็นลายเซ็นด้วยละ
ดาวน์โหลดตัวอย่างแบบฟอร์มใบสมัครงานคลิก จากเว็บ babform.com
ทริคดีๆสำหรับการกรอกใบสมัครงาน
- เขียนใบสมัครงานเป็นภาษาอังกฤษ : ในยุคนี้บริษัทส่วนใหญ่มักใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการสื่อสาร ใบสมัครงานบางที่แทบจะเป็นภาษาอังกฤษล้วนด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นควรฝึกปรือสกิลการกรอกใบสมัครงานเป็นภาษาอังกฤษไว้ด้วย และหากบริษัทไหนที่ใบสมัครงานเป็น 2 ภาษา เราควรเลือกกรอกเป็นภาษาอังกฤษ จะได้ดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น อีกทั้งยังถือเป็นการโชว์สกิลด้านภาษาของเราไปในตัวอีกด้วย
- การเรียกเงินเดือน : ในเกือบทุกใบสมัครงานมักมีช่องเงินเดือนที่ต้องการให้เรากรอก โดยเราควรระบุเป็นช่วงเดือน เช่น 25,000-35,000 บาท โดยควรพิจารณากรอกตามความเป็นจริง ห้ามกรอกสูงจนเกินไป หรือไม่เช่นนั้นหากไม่กรอกเป็นตัวเลข อาจกรอกด้วยข้อความอื่นได้ เช่น เงินเดือนตามแต่ตกลง
- บุคคลอ้างอิง :หากท่านมีชื่อบุคคลอ้างอิงลงในใบสมัครงาน โดยท่านควรจะต้องแจ้งบุคคลนั้นก่อน ว่าท่านจะเอาชื่อของเขาไปใส่ในใบสมัครงาน เพราะบางทีฝ่ายบุคคลอาจมีการโทรไปถาม เพื่อเช็คนิสัย ความประพฤติ และการทำงานในอดีตของเรา โดยเราควรระบุบุคคลอ้างอิงอย่างน้อย 2 คน หรือตามจำนวนที่บริษัทนั้นๆ ทำช่องว่างไว้ในใบสมัครงาน ซึ่งบุคคลที่เราเลือกไม่ควรเป็นพ่อแม่ ญาติพี่น้อง แต่อาจจะหัวหน้าเก่าหรือเพื่อนร่วมงาน เป็นต้น
- หาข้อมูลบริษัท : ควรศึกษารายละเอียดของบริษัทที่เราอยากสมัครงานให้ดีก่อน เพื่อจะได้เป็นข้อมูลพื้นฐานก่อนเข้าไปสัมภาษณ์งาน อีกทั้งยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าเราใส่ใจในองค์กรนั้นๆ และอยากเข้าทำงานที่นี่จริงๆ
- ควรสมัครงานให้ตรงตำแหน่งที่ท่านต้องการ : ท่านควรวิเคราะห์คุณสมบัติของเราก่อนว่า เรามีทักษะและประสบการณ์ที่ตรงกับตำแหน่งนั้นๆ แค่ไหน อย่าพยายามส่งงานทั้งๆ ที่เราขาดคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่ง แล้วคิดว่าบริษัทนั้นจะรับ เพราะอย่าลืมว่าเขาก็ต้องมีผู้สมัครงานคนอื่นรอเป็นคู่แข่งเราอยู่ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดอื่นๆ ที่ไม่ควรข้ามอีก
สำหรับการกรอกใบสมัครงานอาจดูเป็นเรื่องใกล้ตัวและไม่ใช่เรื่องยาก แต่เป็นสิ่งที่ต้องอาศัยความละเอียดและความรอบคอบเป็นหลัก เพราะมีดีเทลที่ค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นเมื่อกรอกข้อมูลทุกอย่างครบถ้วนแล้ว ควรอ่านซ้ำอีกหนึ่งรอบ เพื่อเช็คความถูกต้อง จะได้ไม่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น แล้วขั้นตอนต่อไปในการสมัครงานจะได้ราบรื่น ก้าวไปสู่หนทางอาชีพที่สดใสต่อไป เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับสาระความรู้ที่ทาง sabuynews นำมาฝากกันหวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับท่านผู้อ่านกันนอกจากนี้เรายังมีอีกหลายๆบทความที่จะมาแนะนำให้ท่านอีกมากมายผ่านทางเว็บไซต์ sabuynews.com