โหมดประหยัดพลังงาน ตัวช่วยยืดอายุแบตมือถือ คุ้มค่าแค่ไหน?
มือถือสมัยนี้มีโหมดใช้งานหลากหลาย แต่หนึ่งในโหมดที่ช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้อย่างเห็นผลคือ “โหมดประหยัดพลังงาน” หรือ Power Saving
สมาร์ทโฟนในปัจจุบันมาพร้อมกับโหมดการใช้งานที่หลากหลาย แต่หนึ่งในโหมดที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานแบตเตอรี่คือ “โหมดประหยัดพลังงาน” หรือ Power Saving Mode ซึ่งจะทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อระดับแบตเตอรี่เหลือน้อย แต่โหมดนี้มีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานมากน้อยเพียงใด Sanook Hitech ได้รวบรวมข้อมูลและนำมาวิเคราะห์เพื่อหาคำตอบ
กลไกการทำงานของโหมดประหยัดพลังงาน
โหมดประหยัดพลังงานจะทำการปรับการทำงานของระบบภายในสมาร์ทโฟนเพื่อลดการใช้พลังงาน ซึ่งรวมถึง:
- การลดความสว่างหน้าจอ: หน้าจอแสดงผลถือเป็นส่วนประกอบที่ใช้พลังงานมากที่สุดในสมาร์ทโฟน การลดความสว่างจึงเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยประหยัดพลังงานได้อย่างมีนัยสำคัญ
- การจำกัดแอปพลิเคชันที่ทำงานเบื้องหลัง: แอปพลิเคชันบางตัวทำงานอยู่เบื้องหลังแม้ไม่ได้ใช้งาน ซึ่งส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังงานโดยไม่จำเป็น โหมดประหยัดพลังงานจะจำกัดการทำงานของแอปพลิเคชันเหล่านี้
- การปิดการใช้งานคุณสมบัติที่ไม่จำเป็น: คุณสมบัติบางอย่างเช่น Bluetooth, GPS, Wi-Fi ล้วนแต่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ การปิดการใช้งานเมื่อไม่จำเป็นจึงช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้
- การปรับลดประสิทธิภาพการประมวลผล: การลดประสิทธิภาพการประมวลผลของ CPU จะช่วยลดการใช้พลังงาน แต่ส่งผลให้สมาร์ทโฟนทำงานช้าลง
- การเปลี่ยนธีมเป็นสีดำ (เฉพาะสมาร์ทโฟนหน้าจอ AMOLED): หน้าจอ AMOLED ใช้พลังงานน้อยลงเมื่อแสดงสีดำ การเปลี่ยนธีมเป็นสีดำจึงช่วยประหยัดพลังงานได้
ประสิทธิภาพของโหมดประหยัดพลังงาน
โดยทั่วไปผู้ผลิตสมาร์ทโฟนไม่ได้ระบุตัวเลขที่ชัดเจนเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานของโหมดนี้ อย่างไรก็ตาม จากการทดสอบของทีม Sanook Hitech กับสมาร์ทโฟนหลากหลายรุ่น พบว่าโหมดประหยัดพลังงานสามารถช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้ประมาณ 10-30% หรือเพิ่มเวลาใช้งานได้ 3-5 ชั่วโมง
แนวทางการประหยัดพลังงานเพิ่มเติม
นอกเหนือจากการใช้โหมดประหยัดพลังงาน ผู้ใช้ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานแบตเตอรี่ได้ด้วยวิธีอื่นๆ เช่น
- หลีกเลี่ยงการปรับความสว่างหน้าจอให้สูงเกินไป
- ตั้งค่าให้หน้าจอปิดอัตโนมัติเร็วขึ้น
- อัปเดตซอฟต์แวร์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดอยู่เสมอ
- ใช้ Wi-Fi แทนการเชื่อมต่อข้อมูลมือถือเมื่อเป็นไปได้
- ปิดการเชื่อมต่อที่ไม่จำเป็น
- ตรวจสอบและควบคุมการใช้สิทธิ์การเข้าถึงของแอปพลิเคชัน
การประหยัดพลังงานไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่และลดค่าใช้จ่ายเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้พลังงานอีกด้วย
Mode แล้วโหมดนี้จะช่วยประหยัดพลังงานได้จริงหรือไม่? Sanook Hitech มีคำตอบมาฝาก
โหมดประหยัดพลังงานทำงานอย่างไร?
โหมดประหยัดพลังงานจะทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด โดยจะปรับการทำงานของอุปกรณ์ภายในเพื่อลดการใช้พลังงาน เช่น
- ลดความสว่างหน้าจอ: หน้าจอเป็นส่วนที่กินพลังงานมากที่สุด การลดความสว่างจึงช่วยประหยัดแบตได้มาก
- จำกัดแอปทำงานเบื้องหลัง: บางแอปทำงานแม้ไม่ได้ใช้งาน ซึ่งสิ้นเปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ
- ปิดฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น: Bluetooth, GPS, Wi-Fi ล้วนกินแบต การปิดเมื่อไม่ใช้จึงช่วยยืดอายุแบตได้
- ปรับลดประสิทธิภาพการประมวลผล: ช่วยลดการใช้พลังงานของ CPU แต่จะทำให้มือถือทำงานช้าลง
- เปลี่ยนธีมเป็นสีดำ (เฉพาะมือถือหน้าจอ AMOLED): สีดำใช้พลังงานน้อยกว่าสีอื่นบนหน้าจอ AMOLED
โหมดประหยัดพลังงานช่วยประหยัดแบตได้เท่าไหร่?
ผู้ผลิตส่วนใหญ่ไม่ได้ระบุตัวเลขที่ชัดเจน แต่จากการทดลองของทีม Sanook Hitech พบว่าโหมดประหยัดพลังงานช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ได้ประมาณ 10-30% หรือเพิ่มเวลาใช้งานจาก 7 ชั่วโมงเป็น 10-12 ชั่วโมง
เคล็ดลับประหยัดแบตมือถือเพิ่มเติม
นอกจากการใช้โหมดประหยัดพลังงานแล้ว ยังมีวิธีอื่นๆ ที่ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้อีก เช่น
- ไม่เปิดจอสว่างเกินไป
- ตั้งเวลาปิดหน้าจอให้น้อยลง
- อัปเดตซอฟต์แวร์อยู่เสมอ
- ใช้ Wi-Fi แทนเน็ตมือถือเมื่อทำได้
- ปิดการเชื่อมต่อที่ไม่จำเป็น
- ควบคุมการใช้สิทธิ์การเข้าถึงของแอป
การประหยัดพลังงานไม่เพียงช่วยยืดอายุแบตเตอรี่และลดค่าใช้จ่าย แต่ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้พลังงานอีกด้วย